ประวัติศาสตร์ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์


ประวัติศาสตร์ของไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสถาปนาพระราชวงศ์จักรี
สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก แม่ทัพใหญ่ของกรุงธนบุรีเป็นผู้แก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบจากกรณีกบฏพระยาสรรค์ตอนสมัยปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี-เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เหล่าขุนนางข้าราชการได้อัญเชิญสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
  • พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่1) โปรดให้ย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีไปยังที่แห่งใหม่ซึ่งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อพ.ศ.2325 ต่อมาได้พระราชทานนามว่า กรุงรัตนโกสินทร์ หรือ กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน
  • ความไม่เหมาะสมเป็นราชธานีของกรุงธนบุรี(ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา)
  • ความเหมาะสมเป็นราชธานีของกรุงรัตนโกสินทร์
  •  ความคับแคบของเขตพระราชวัง เนื่องด้วยถูกขนาบด้วยสัดทั้งสองด้าน(วัดอรุณราชวรารามและวัดโมฬีโลกธาราม) 
  • ความไม่เหมาะสมในเรื่องสภาพภูมิประเทศ อยู่ในบริเวณท้องคุ้งน้ำอาจถูกน้ำและคลื่นกัดเซาะตลิ่ง
  • ความไม่เหมาะสมในทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ กรุงธนบุรีมีป้อมปราการไว้ป้องกันข้าศึกทั้งสองฝั่งแม่น้ำ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเปรียบเสมือนเป็นเมืองอกแตก 
  • ขยายเมืองในอนาคต ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มและมีพื้นที่กว้าง 
  • การป้องกันการรุกรานของข้าศึกปัจจัยที่เป็นผลดีต่อพัฒนาการด้านต่างๆ 
  • อยู่ใกล้ทะเลหรือปากอ่าวไทย 
  •  ตั้งอยู่ในเขตอากาศร้อนชื้น 
  • เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีดินดีน้ำดี 
  • เป็นศูนย์รวมของการเผยแพร่ทางวัฒนธรรม

 ลักษณะการเมืองการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

การปกครองภายในราชธานี

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ร.1-ร.3 มีการจัดระเบียบการปกครองในราชธานี โดยมีอัครมหาเสนาบดี 2 ตำแหน่งและเสนาบดีจตุสดมภ์อีก 4 ตำแหน่ง เป็นผู้รับผิดชอบ

 1.กรมมหาดไทย เรียกว่า สมุหนายก ดูแลรับผิดชอบราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน
    ในหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด
 2.กรมกลาโหม เรียกว่า สมุหพระกลาโหม ดูแลรับผิดชอบราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน
   ในหัวเมืองฝ่ายใต้
 3.กรมเมือง(นครบาล) เจ้าพระยายมราช ดูแลรักษาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
   ในราชธานีการปกครองภายในราชธานี
 4.กรมวัง(ธรรมาธิกรณ์) มีเจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ ดูแลกิจการภายในพระราชวังและพระราชพิธีต่างๆ            พิจารณาพิพากษาคดีความของราษฎร
 5.กรมคลัง(โกษาธิบดี) มีเจ้าพระยาพระคลัง ดูแลเกียวกับเงินรายได้และรายจ่ายของแผ่นดิน ติดต่อ            ค้าขาย ดูแลหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก(กรมท่า)
 6.กรมนา(เกษตรธิการ) มีพระยาพลเทพ ดูแลเสบียงอาหารขอแผ่นดิน เก็บภาษีค่านาจากราษฎร
    (ภาษีหางข้าว)


การปกครองหัวเมือง
  • หัวเมืองชั้นใน เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ราชธานีและมีฐานะเป็นชั้นเมืองจัตวา
  • หัวเมืองชั้นนอก เป็นเมืองที่อยู่ห่างไกลจากราชธานี มีฐานะเป็นเมืองชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี
การปกครองส่วนท้องที่
  • หมู่บ้าน ผู้ปกครองดูแล คือ ผู้ใหญ่บ้าน
  • ตำบล หมูบ้านหลายๆหมู่บ้านรวมเป็นตำบล ผู้ปกครองดูแลคือ กำนัน
  • แขวง ตำบลหลายๆตำบลรวมเป็นแขวง ผู้ปกครองดูแลแขวงคือหมื่นแขวง
เศรษฐกิจในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

  • ประเทศในเอเชียที่ไทยติดต่อค้าขาย ได้แก่ จีน ชวา สิงคโปร์ และอินเดีย
  • สินค้าออกได้แก่ ดีบุก งาช้าง ไม้ น้ำตาล พริกไทย และของป่า
  • สินค้าเข้าได้แก่ เครื่องถ้วยชามสังคโลก ชา ไหม เงิน ปืน ดินปืน
  • รายได้จากการเก็บภาษี
–    จังกอบ เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการชักส่วนสินค้า ด่านขนอน
–    อากรส่วนที่เก็บจากผลประโยชน์ที่ราษฎรทำมาหาได้ในการประกอบการต่างๆเช่น ทำนา ทำไร่ ทำสวน
–     ส่วย  สิ่งของที่รัฐบาลเรียกร้องเอาจากเมืองที่อยู่ภายใต้ปกครอง
–     ฤชา ค่าธรรมเนียมที่ทางราชการเรียกเก็บจากราษฎรซึ่งได้รับประโยชน์จากรัฐเป็นการเฉพาะตัว
       สภาพสังคมในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
  • มีการสนับสนุนเป็นไพร่ส่วยมากขึ้น
  • ชาวจีนได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยมากขึ้น

การศึกษาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
  • ศูนย์กลางอยู่ที่วัด
  • การศึกษาเล่าเรียนจำกัดอยู่เฉพาะเด็กชาย
  • ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
การทำสงคราม
  • การทำสงครามปกกันประเทศ
  • การทำสงครามขยายอาณาจักร
  • ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีวีรสตรี 3 ท่าน คือ
– ในสงครามเก้าทัพ ได้แก่ ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร(คุณหญิงจัน คุณหญิงมุก จังหวัดภูเก็ต)
– ในการทำศึกเวียงจันทร์ ได้แก่ ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม จังหวัดนครราชสีมา)
   ความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก
  • โปรตุเกส
–    เป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาติดต่อ
–    สมัย ร.2 ไทยได้ส่งเรือไปค้าขายกับโปรตุเกสที่มาเก๊า
–    โปรตุเกสสร้างสถานกงสุลในประเทศไทยเป็นประเทศแรก
  • อังกฤษ
–    ทำสัมพันธไมตรีกับไทยเพื่อหวังประโยชน์ในดินแดนมลายู
–    ในสมัย ร.3 อังกฤษได้มาขอความช่วยเหลือให้ไทยช่วยรบกับพม่า
–   ไทยกับอังกฤษได้ทำสนธิสัญญาเบอร์นี
สมัยรัตนโกสินทร์สมัย ร.4-ร.7

ลักษณะการเมืองการปกครองของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ยุคใหม่
  • การเมืองการปกครองสมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่รัชการที่4
  • เป็นยุคที่ไทยเริ่มรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมตะวันตก
การทำสนธิสัญญาเบาริง(พ.ศ.2398)
  • อังกฤษของตั้งสถานกงสุลในไทย
  • คนอังกฤษมีสิทธิเช่าที่ดินในประเทศไทยได้
  • คนอังกฤษสามารถสร้างวัดและเผยแพร่คริสต์ศาสนาได้
  • เก็บภาษีขาเข้าได้ไม่เกินร้อยละ 3
  • พ่อค้าอังกฤษและพ่อค้าไทยมีสิทธิค้าขายกันโดยเสรี
  • ถ้าไทยทำสนธิสัญญากับประเทศอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์เหนือ ประเทศอังกฤษจะต้องทำให้อังกฤษด้วย

ผลของสนธิสัญญาเบาริง
ผลดี
–     ไทยรอดพ้นจาการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
–      การค้าขายขยายตัวมากขึ้น
–      อารยธรรมตะวันตกเข้ามาแพร่หลาย


ผลเสีย

–    ไทยเสียสิทธิทางการศาลให้อังกฤษ
–     อังกฤษเป็นชาติที่ได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง
–    อังกฤษเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงไม่ยอมทำการแก้ไข



การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน

มาเรียนรู้เรื่องเหล่านี้จากวิดีโอกันเถอะ ^ ^

อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=f-RDZRX5KwA

https://kruattasit.wordpress.com/2010/11/19/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3/

https://sites.google.com/site/kruchuychay/innovation/unit-three-historical-rattanakosin

ความคิดเห็น